โปรดพุทธบิดาและพระนางพิมพา
ขณะที่พระบรมศาสดาเสด็จพุทธดำเนินเที่ยวไปบิณฑบาตโปรดชาวเมืองกบิลพัสดุ์
พระเจ้าสุทโธทนะทรงหวังไว้ว่า พระราชโอรสจะทรงพาพระภิกษุสงฆ์สาวกเข้ามารับ
อาหารบิณฑบาตในพระราชวัง เมื่อได้ทราบเช่นนั้นก็ตกพระทัยเสด็จออกไปประทับ
ยืนขวางตรงพระพักตร์กลางทาง พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระบิดา
เมื่อจบพระธรรมเทศนา พระพุทธบิดาดำรงอยู่ในพระโสดาปัตติผล
ครั้นรุ่งขึ้นวันที่ ๒ หลังจากพระพุทธองค์พร้อมเหล่าภิกษุสงฆ์เสด็จไปรับภัตตาหาร
บิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ และกระทำภัตกิจแล้ว จึงทรงแสดงธรรมเทศนาโปรด
พระเจ้าสุทโธทนะให้ได้บรรลุพระสกทาคามิผลส่วนพระนางมหาปชาบดีได้บรรลุ
พระโสดาปัตติผล
ในวันที่ ๓ พระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดพระพุทธบิดาก็ได้สำเร็จ
พระอนาคามิผล ฝ่ายพระนางพิมพารู้สึกเศร้าเสียใจมาก ที่พระพุทธองค์ทรงตัดสินใจ
ออกบวชโดยไม่บอกลา แม้ว่าพระพุทธองค์จะเสด็จเข้าไปรับอาหารบิณฑบาต
ในพระราชนิเวศถึงสามวันแล้วก็ตาม แต่พระนางพิมพาราชเทวี ก็มิได้เสด็จออกมาเฝ้า
พระพุทธองค์เลย พระพุทธองค์ทรงพาอัครสาวก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
ไปยังปราสาทของพระนางพิมพา ประทับนั่งบนอาสนะ เมื่อพระนางได้เห็นดังนั้น
จึงเสด็จลุกขึ้น จูงพระหัตถ์ของพระราหุลกุมาร
เสด็จตรงเข้ากอดพระบาทของพระบรมศาสดา ซบพระเศียรลงถวายนมัสการแล้ว
กลิ้งเกลือกซบพระเศียรที่หลังพระบาทของพระบรมศาสดาพิไรรำพันตัดพ้อต่อว่า
พระพุทธองค์ได้ทรงแสดง “จันทกินรีชาดก” โดยพิสดาร กำจัดความเศร้าโศก
ปริเทวนาของพระนางพิมพาให้บรรเทาเบาบางลง จากนั้นทรงแสดงพระธรรมเทศนา
โปรด ครั้นจบพระธรรมเทศนา พระนางก็ได้ดวงตาเห็นธรรม ทรงทำลายเสียซึ่งกิเลส
โทษทั้ง ๓ ประการ คือ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส ประดิษฐานอยู่ใน
พระโสดาปัตติผลเป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา
ที่มาจากพระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
บทภาพยนตร์
พระเจ้าสุทโธทนะ
ทำไมพระพุทธองค์ จึงทำให้หม่อมฉันได้รับความอับอายอัปยศ ด้วยการ
เที่ยวบิณฑบาตขอข้าวขออาหารอย่างนี้ … พระพุทธองค์เป็นถึงเชื้อสายกษัตริย์
…หรือเข้าพระทัยว่าหม่อมฉันไม่สามารถจัดภัตตาหารถวายพระพุทธองค์
กับพระสงฆ์ได้ทั่วถึง
พระพุทธเจ้า
พระบิดาเมื่อเราบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเวลานั้น การเป็นขัตติยศากยวงศ์ได้สิ้นสุดลง… และประดิษฐานอยู่ในพระพุทธวงศ์ ตั้งแต่นั้นมา … การออกบิณฑบาตจึงเป็นไปตามจารีตประเพณีของพระพุทธเจ้า .. แม้พระภิกษุสงฆ์ก็ปฏิบัติตามสายพระพุทธวงศ์นี้ …
พระพุทธเจ้า
ขอพระบิดาตั้งใจสดับธรรมเทศนาเถิด... “ บุคคลเมื่อยังยึดมั่นอยู่
เพลิดเพลินอยู่ในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ต้องถูกมารมัดไว้
ต้องจมอยู่ในกองทุกข์ทั้งมวล เมื่อไม่ยึดมั่น ไม่เพลิดเพลิน จึงพ้นจากบ่วงมาร
จึงพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง
พระเจ้าสุทโธทนะ
วันพรุ่งนี้หม่อมฉันขออาราธนาพระพุทธองค์ และพระสาวกไปรับอาหารบิณฑบาต
ในพระราชวังด้วยเถิด
พระเจ้าสุทโธทนะ
นับแต่พระพุทธองค์เสด็จมายังพระราชวัง หม่อมฉันและมหาปชาบดี ได้ฟังธรรม
ก็บรรลุธรรมสูงขึ้นไปตามลำดับทุกวัน … จนวันนี้วันที่ ๓ แล้ว พิมพาก็ยังไม่ยอม
เข้ามาพบพระพุทธองค์ เฝ้าแต่เศร้าโศกอยู่แต่ในห้อง หม่อมฉันขออาราธนา ให้เสด็จ
ไปโปรดพิมพาผู้เคยเป็นชายา ของพระพุทธองค์ด้วยเถิด
พระพุทธเจ้า
พระบิดา เราจะไปโปรดพิมพา และเราจะนำพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องซ้ายและขวาไปด้วย
หมายเหตุ ช่วงสนทนานี้ใช้วิธีบอกเล่าแบบย่นย่อ เพื่อให้การดำเนินเรื่องกระชับ โดยนำเนื้อหาบทสนทนาจากหนังสือ พุทธประวัติฉบับปฐมสมโพธิ เป็นหลัก
พระนางพิมพา (พูดพลางร้องไห้ไป)
เหตุใดพระองค์ถึงไม่มีความเมตตาปราณีพิมพา ผู้เป็นชายาของพระองค์.....
แม้แต่ตอนออกบรรพชาก็เสด็จไปโดยไม่บอกกล่าว ...หม่อมฉันมีความผิดอะไร...
หากว่าหม่อมฉันมีความผิด...แต่ราหุลลูกของเราเพิ่งประสูติในวันนั้นมีความผิดอะไร
พระองค์จึงทอดทิ้งไว้ให้ไร้พระบิดา
พระพุทธเจ้า
พิมพา เจ้าอย่าได้เศร้าโศกไปเลย เรากระทำไปก็เพื่อช่วยเหลือเจ้าและทุก ๆ
คนให้หลุดพ้นจากความทุกข์
พิมพา...เจ้าเกิดมาเป็นคู่บารมีกับเรา เป็นผู้มีคุณในการสั่งสมบารมีของเรา
มาหลายภพหลายชาติบัดนี้เจ้าจงพิจารณาให้เห็นชาติภพทั้งหลายเหล่านั้น
ตามความเป็นจริงเถิดว่า...
เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความแก่ไปได้ เรามีความเจ็บเป็นธรรมดา
ไม่อาจล่วงพ้นความเจ็บไปได้ เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่อาจล่วงพ้นความตาย
ไปได้ เราต้องมีความพลัดพรากจากของรักของชอบใจด้วยกันทั้งสิ้น เรามีกรรม
เป็นของของตนมีกรรมเป็นผู้ให้ผล มีกรรมเป็นแดนเกิด เราจักทำกรรมอันใดไว้
ดีหรือชั่ว เป็นบุญหรือเป็นบาป เราต้องได้รับผลกรรมนั้น
|