บทภาพยนตร์
เวรัญชพราหมณ์
เราคือเวรัญชพราหมณ์ เป็นพราหมณ์ผู้ครองเมืองเวรัญชาแห่งนี้
ได้ยินกิตติศัพท์ว่าท่าน เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงอยากจะมา
สนทนาธรรมด้วย … แต่เหตุใดเรามาถึงที่นี่แล้ว ท่านไม่ยอมไหว้เราผู้สูงอายุกว่า
หนำซ้ำยังไม่ลุกขึ้นต้อนรับ และไม่เชื้อเชิญให้เรานั่งบนอาสนะเท่าเทียมท่าน
พระพุทธเจ้า
ท่านเวรัญชพราหมณ์ ในโลกนี้หรือโลกอื่น เรายังไม่พบบุคคลที่เราควรไหว้
ควรลุกขึ้นต้อนรับ … ควรเชื้อเชิญให้นั่งบนอาสนะ ด้วยเป็นผู้มีธรรมเหนือกว่าเรา
เวรัญชพราหมณ์
เท่าที่ท่านประพฤติปฏิบัติอยู่ทุกวันนี้ เราเห็นว่าท่านเป็นผู้ไม่มีรส
พระพุทธเจ้า
ท่านพราหมณ์ … เราเป็นผู้ไม่มีรส เพราะรสในกามคุณ คือ รูป รส กลิ่น เสียง
และสิ่งที่มากระทบกาย เราได้ละแล้ว…แต่มิใช่ผู้ไม่มีรสอย่างที่ท่านเข้าใจ
เวรัญชพราหมณ์
ท่านเป็นผู้ไม่มีสมบัติ ท่านเป็นผู้กล่าวการไม่ทำ ท่านเป็นผู้ขาดสูญ
นอกจากนี้เรายังเห็นว่าท่านยังเป็นผู้มักเกลียดอีกด้วย
พระพุทธเจ้า
ท่านพราหมณ์ … เราเป็นผู้ไม่มีสมบัติ หรือโภคะ เพราะสิ่งนั้นคือ รูป รส กลิ่น
เสียง และสิ่งที่มากระทบกาย … ท่านพราหมณ์ … เราเป็นผู้กล่าวการไม่ทำ คือ
การไม่ทำบาป ไม่ทำชั่วทั้งกาย วาจา และใจ .. เราเป็นผู้กล่าวถึงความขาดสูญ
แห่งราคะ โทสะ และโมหะ…ท่านพราหมณ์ … เราเป็นผู้มักเกลียด กายทุจริต วจีทุจริต
มโนทุจริต…เราเกลียดบาปอกุศลทั้งปวง…แต่มิใช่ผู้มักเกลียดอย่างที่ท่านเข้าใจ
เวรัญชพราหมณ์
งั้นท่านก็เป็นผู้กำจัด เป็นผู้เผาผลาญ หนำซ้ำท่านยังเป็นผู้ไม่ผุดไม่เกิด
พระพุทธเจ้า
ท่านพราหมณ์ …เราเป็นผู้แสดงธรรมเพื่อกำจัดราคะ โทสะ โมหะ
และกำจัดบาปอกุศลทั้งมวล … เราเป็นผู้เผาผลาญกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต
ด้วยเป็นสิ่งที่ ควรเผาผลาญ … เราเป็นผู้ไม่ผุดไม่เกิด เพราะได้ละ ได้ทำให้ไม่มี
อีกต่อไป เหล่านี้คือความหมายที่แท้จริง ไม่ใช่ความหมายอย่างที่ท่านเข้าใจ
….ดูก่อนท่านเวรัญชพราหมณ์ ท่านจงสดับธรรมเทศนาจากเราเถิด …
พระพุทธเจ้า
การส่งจิตออกไปภายนอก เพ่งโทษผู้อื่นนั้นคือเหตุ และมีทุกข์เป็นผล …
การพิจารณาตนเอง คือ จิตดูจิตของตน เป็นมรรค มีนิโรธ คือการดับทุกข์เป็นผล
เวรัญชพราหมณ์
พระธรรมเทศนาที่ทรงแสดง ได้ชี้ทางสว่างให้แก่ข้าพระองค์ นับแต่นี้ไป
ข้าพระองค์ขอยึดถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต ขอพระองค์ได้จำพรรษา
อยู่ในเมืองเวรัญชา เพื่อแสดงธรรมโปรดชาวเมืองของข้าพระองค์ด้วยเถิด
|