เสด็จออกบรรพชา

            เจ้าชายสิทธัตถะทรงตื่นบรรทมขึ้นมาในยามดึก  ได้ทอดพระเนตรเห็นอาการ
วิปริตของเหล่านางสนมทั้งหลาย  ที่หลับใหลอยู่เกลื่อนกลาด ทรงเกิดความสังเวช
จึงตัดสินพระทัยออกบวช โดยให้ นายฉันนะ จัดเตรียมม้ากัณฐกะ   แล้วเสด็จไป
ทอดพระเนตรพระราชโอรสและพระนางพิมพาซึ่งบรรทมอยู่


            จากนั้นก็เสด็จออกจากพระมหานคร จวบจนใกล้รุ่ง ก็บรรลุถึงฝั่งแม่น้ำอโนมา
ทรงเปลื้องเครื่องอาภรณ์ออกส่งให้นายฉันนะ แล้วตัดพระเกศาเหลือไว้ประมาณ
๒ องคุลี พระเกศาเหล่านั้นได้ม้วนกลมเป็นทักษิณาวัฏ ปรากฏอยู่ตราบเท่าถึง
ปรินิพพาน


            ในขณะนั้นทรงอธิษฐานว่า “ถ้าจะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
ขอให้
เส้นผมนี้จงลอยอยู่ในอากาศ อย่าได้ตกลงมา”เมื่อทรงโยนพระเกศา
ขึ้นไปบนอากาศ ปรากฏว่าพระเกศาลอยอยู่บนอากาศ มิได้ตกลงมา  ท้าวสักกเทวราชได้เอาพานมารองรับแล้วนำไปบรรจุไว้ใน พระเจดีย์จุฬามณีเทวโลก ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


             เมื่อทรงอธิษฐานเพศบรรพชิตครองผ้ากาสาวพัสตร์เรียบร้อยแล้ว รับสั่งให้
นายฉันนะ นำม้ากัณฐกะพร้อมเครื่องอาภรณ์และข่าวสารการบรรพชาของพระองค์
ไปแจ้งแก่พระบิดา และพระประยูรญาติในกรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อบรรเทาทุกข์โทมนัส
อันเกิดจากความห่วงใยในพระองค์


 

ที่มาจากพระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง

 

บทภาพยนตร์

 

ดนตรีประกอบ

เจ้าชายสิทธัตถะ
              (เสียงถอนหายใจ)...เฮ่อ..

 

(เสียงประกอบนอนกรนและละเมอ)

 

เจ้าชายสิทธัตถะ (เสียงในความคิด)
              พิมพา..เจ้านั้นเป็นดั่งดวงใจ..ราหุล..ลูกเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อ..
แต่เราทุกคนไม่อาจจะหลีกพ้นความแก่ ความเจ็บ และความตายไปได้

 

เจ้าชายสิทธัตถะ (เสียงในความคิด)
             เราจะต้องค้นหาวิธีให้ทุกคนหลุดพ้นจากความทุกข์นี้ให้จงได้.....
ไม่ว่าเราจะต้องลำบากแสนสาหัสเพียงใดก็ตาม

 

ดนตรีประกอบ

 

เจ้าชายสิทธัตถะ (ทำเสียงกระซิบ)
             ฉันนะ...ฉันนะ


เจ้าชายสิทธัตถะ
             ฉันนะ...ตื่นเถอะ...ฉันนะ..ตื่น


ฉันนะ
             ปลุกทำไม...


เจ้าชายสิทธัตถะ
             เจ้ารีบไปเตรียมม้ากัณฐกะเอาไว้เดี๋ยวนี้เลยนะ


เจ้าชายสิทธัตถะ
             อย่าให้ใครเห็นเจ้าหละ แล้วไปพบเราที่หน้าประตูพระราชวัง...ไปเร็ว..


ฉันนะ
             พะยะค่ะ

 

บรรยาย
             ขณะที่เจ้าชายสิทธัตถะจะเสด็จออกจากประตูพระราชวัง พญาวสวัตตีมาร
ก็ปรากฏตัวขึ้น      เพราะเกรงว่าจะไม่สามารถใช้อำนาจควบคุมให้เจ้าชาย
มัวเมาหลงใหลในสิ่งต่างๆ ได้ต่อไป

 

พญามาร
             ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..เจ้าชาย...จงกลับเข้าไปในพระราชวังเสียเถอะ ข้างในนั้น
มีแต่ความงดงาม ความสุขสบาย อีก ๗ วันท่านก็จะได้เป็นมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่
อย่าได้ละทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปเลย  ข้างนอกน่ะมีแต่ความลำบากต้องทนทุกข์ทรมาน
และโดดเดี่ยวเดียวดาย

 

เจ้าชายสิทธัตถะ
             เราไม่ปรารถนาจะเป็นมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่  เราไม่ปรารถนาทรัพย์สมบัติ
หรือความสุขสบาย เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่อาจทำให้ผู้ครอบครองพ้นทุกข์ และ
ไม่อาจทำให้เราช่วยเหลือทุกคนที่เรารัก และอาณาประชาราษฎร์ของเราให้พ้นทุกข์
จากการแก่ การเจ็บ การตาย ไปได้......ท่านจงหลีกทางให้เราไปเสียเถอะ

 

พญามาร
             ฮ่า ๆ...นึกว่าจะรอดพ้นจากอำนาจของเรา ผู้เป็นพญามารไปได้เหรอ.....
เราจะคอยหาโอกาสครอบงำท่านด้วยกิเลสตัณหา   ความโลภ   โกรธ   หลง
ติดตามท่านไปเหมือนกับเงา...ดูซิว่าใครจะเป็นผู้ชนะ...ฮ่าๆ...

 

ดนตรีประกอบ

 

เจ้าชายสิทธัตถะ
             ถึงริมฝั่งน้ำอโนมาแล้ว หยุดตรงนี้แหละฉันนะ

 

เจ้าชายสิทธัตถะ
             เราขออธิษฐานว่า ถ้าจะได้ตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ  ขอให้เส้นผม 
จงลอยอยู่ในอากาศ  ถ้าหากทำไม่สำเร็จก็ขอให้ตกลงไปยังพื้นดินแห่งนี้


บรรยาย
             เมื่อทรงโยนพระเกศา ปรากฏว่า พระเกศาลอยอยู่บนอากาศไม่ได้ตกลงมา
พระอินทร์ได้นำเอาผอบแก้วมารองรับ    แล้วนำไปบรรจุในพระจุฬามณีเจดีย์
ณ ดาวดึงส์เทวโลก   ส่วนท้าวฆฏิการพรหมได้นำเครื่องอัฐบริขารมาถวาย และ
พระองค์ทรงมอบพระภูษาผ้าทรงให้ ท้าวฆฏิการพรหมจึงนำไปบรรจุในทุสสเจดีย์
ในพรหมโลก


เจ้าชายสิทธัตถะ
             เจ้าอย่าได้เศร้าโศกเสียใจไปเลย.....ฉันนะ.......เราทำอย่างนี้
ก็เพื่อค้นหาทางพ้นทุกข์ของมวลมนุษย์ทั้งหลาย    เจ้าจงกลับไปทูลพระราชบิดา
ด้วยว่าเราจะไม่กลับไปยังพระราชวังอีก  จนกว่าเราจะแสวงหาความรู้แจ้งและหนทาง 
แห่งการพ้นทุกข์ได้แล้ว


บรรยาย
             ฝ่ายม้ากัณฐกะเกิดความอาลัยสุดจะทนได้     หัวใจแตกสลายขาดใจตาย
อยู่ตรงนั้น  ด้วยอานุภาพแห่งความกตัญญูส่งผลให้ม้ากัณฐกะจุติไปเกิดเป็น
เทพบุตรบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์


(มีเสียงม้าร้องเหมือนใกล้ตายดังขึ้นมาประกอบ)